รู้หรือไม่ว่า ‘สมอง’ กว่าแสนล้านเซลล์ของเราก็ต้องการพักผ่อนเหมือนกับร่างกาย ส่วนวิธีการพักผ่อนสมองนั้นก็ง่ายมาก ๆ เป็นวิธีที่เราก็รู้กันดีอยู่แล้ว ติดอยู่ที่ว่าหลายคนอาจจะไม่จริงจัง แถมยังชอบไปขัดขวางเวลาที่สมองควรจะได้พักผ่อนโดยไม่รู้ตัวกันอีกด้วย 

ระหว่างนั่งใจลอยกับล้างจาน
อันไหนใช้พลังสมองมากกว่ากัน ?

คำตอบคือ นั่งเหม่อลอย ! เพราะการนั่งเหม่อเนี่ยไปรบกวนสมองส่วนที่จะทำงานเวลาพัก (ใช่ค่ะ สมองของคนเราทำงานตลอดเวลาเพื่อรับรู้ มองหาสัญญาณอันตราย) หรือที่เราเรียกว่า ‘สมองส่วนเครือข่ายอัตโนมัติ’ หรือ DMN (Default Mode Network) ที่จะทำงานอย่างขันแข็งเวลาที่เราพักผ่อนหรือไม่ได้ตั้งใจคิดอะไรเป็นพิเศษ เช่น เหม่อลอย คิดไปเรื่อย นอนเฉย ๆ เป็นต้น 

โดยไอ้ต้าว DMN นี้จะกินพลังงานสมองมากถึง 60–80% ที่สมองใช้ แต่เมื่อเรากำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างเช่น ล้างจาน แปรงฟัน อ่านหนังสือ เจ้า DMN กลับทำงานลดลง กลายเป็นว่าตอนที่ไม่ตั้งใจทำอะไรกลับใช้พลังงานมากกว่าตอนที่กำลังตั้งใจทำอะไร ทำให้เวลาที่เราเหม่อใช้พลังงานสมองมากกว่าตอนที่เราล้างจาน (คิดค้นโดย Dr. Marcus E. Raichle นักประสาทวิทยา Washington University สหรัฐอเมริกา ปี 2001)

ซึ่งข้อเสียของการใช้พลังงานไปกับสมองส่วน DMN มากเกินไป ไม่ใช่แค่จะทำให้เราเสียพลังงานสมองไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น แต่ยังทำให้สมองเราไม่ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ทำให้เราเหนื่อยง่าย เพราะสมองล้า ส่งผลให้เราขี้หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ และหมดไฟได้ง่ายอีกด้วย แต่ข่าวดีก็คือการรู้จักการทำงานของเจ้า DMN นี้ก็ได้ถูกพัฒนามาเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เราควบคุมการทำงานของสมองไม่ให้ใช้พลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่อให้สมองได้พักผ่อนจริง ๆ หรือที่เราเรียกว่า ‘Mindfulness’ วิธีพักสมองด้วยการทำสมาธิ ที่เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ผู้บริหารบริษัทดัง ๆ อย่าง Apple, LinkedIn, Salesforce และ Twitter เอาไปปรับใช้กับพนักงานของพวกเขาอีกด้วย

วิธีพักผ่อนสมองด้วยวิธี Mindfulness 

อยู่กับปัจจุบัน  

เราสามารถพักสมองได้ตลอดเวลา โดยพยายามอยู่กับปัจจุบันขณะ คิดทีละเรื่อง ตอนกินข้าวกลางวันก็ให้ จดจ่อกันอาหารตรงหน้าเท่านั้น ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น คีย์เวิร์ดสำคัญคือ จดจ่ออยู่กับปัจจุบัน (Moment)  ไม่ใช่คิดถึงอนาคตหรือคิดถึงอดีต หัวเราะให้กับความยุ่งเหยิง มีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน  และรู้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีเหตุผล 

ลดการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน 

หรือที่เราเรียกว่า Multitasking เช่น เวลาแปรงฟันต้องเช็กทวิตเตอร์ไปด้วย หรือเวลาอ่านหนังสือก็แอบฟังทีวีที่แม่เปิดไว้ด้วย พฤติกรรมขยับอัตโนมัติเหล่านี้ป็นตัวการสำคัญที่ทำให้สมองเหนื่อย เวลาที่สมองเข้าสู่ช่วงที่มีสมาธิมาก ๆ (Flow) ให้เราตั้งใจทำแค่อย่างเดียว เสร็จแล้วค่อยไปทำอย่างอื่นต่อ จะได้ใช้พลังสมองไปทีละเรื่อง 

แยกเวลาพักกับเวลาเรียน

ให้มุมพักผ่อนเป็นมุมพักผ่อน ให้เตียงนอนเป็นแค่ที่นอน ไม่ใช่ที่ที่เราจะเอางาน เอาการบ้านไปทำ เพราะสมองของเราจะตื่นตัวเป็นพิเศษด้วยความเคยชินเมื่อเรานอน เนื่องจากเราเคยทำงานหรือว่าเรียนบนเตียงนั่นเอง ออกไปสูดอากาศ รับแสงแดด เมื่อกำลังพักก็ควรพักจริง ๆ ไม่คิดถึงเรื่องที่กำลังจะมาถึงหรือผ่านไปแล้ว มันจะช่วยให้เรามีสมาธิกับเรื่องต่าง ๆ มากขึ้นอีกด้วยนะ  

นอนพักผ่อน 

การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุดในโลก ทั้งสำหรับร่างกายและสำหรับสมอง แต่ถ้าเรากลัวว่าจะคิดไปเรื่อยเปื่อยจนนอนหลับไม่ลึก แนะนำให้ลองเขียนสาเหตุที่ทำให้เครียดระบายลงไปในโน้ตหรือสมุดแล้วค่อยเข้านอน เพราะหากเราเข้านอนโดยที่ยังคิดถึงเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องเครียด ๆ แทนที่สมองจะได้พักผ่อนก็ต้องทำงานเหมือนเดิม แถมยังทำงานหนักอีกด้วย

แต่ก็นะ บางคนอาจจะไม่ได้เห็นว่าเรื่องนี้มันสำคัญตรงไหน ก็แค่ใช้พลังสมองเยอะเองเพราะหลายคนอาจจะยินดีที่จะสละพลังสมองของพวกเขาอย่างไม่จำกัดไปกับการได้ใจลอยคิดถึงใครสักคน อิอิ 

แหล่งข้อมูล
อากิระ คุงายะ. (2563). ศาสตร์ของสมอง ที่รู้จักหยุดพัก. แปลจาก Sekai no Elite ga Yatteiru Saikou no Kyusokuho. แปลโดยช่อลดา เจียมวิจักษณ์. กรุงเทพฯ: วีเลิร์น